ประโยชน์ของโกโก้ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
โกโก้ (Cocoa) ไม่ได้เป็นเพียงวัตถุดิบสำคัญของช็อกโกแลตหรือเครื่องดื่มแก้วโปรดเท่านั้น แต่ยังได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางว่า มีสารอาหารและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เป็นอาหารที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “Superfood” อีกชนิดหนึ่ง
1. สารสำคัญในโกโก้ที่ดีต่อหัวใจ
🔹 ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids)
-
โดยเฉพาะ ฟลาวานอล (Flavanols) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
-
ช่วยลดความเสียหายของเซลล์จากความเครียดออกซิเดชัน (Oxidative Stress)
-
มีผลโดยตรงต่อการทำงานของเยื่อบุหลอดเลือด (Endothelium)
🔹 ธีโอโบรมีน (Theobromine)
-
ช่วยกระตุ้นระบบประสาทและการไหลเวียนเลือด
-
มีฤทธิ์คล้ายคาเฟอีน แต่เบากว่า
🔹 แร่ธาตุสำคัญ
-
แมกนีเซียม โพแทสเซียม และเหล็ก ซึ่งมีบทบาทในการทำงานของหัวใจและการสร้างเม็ดเลือด
2. ประโยชน์ของโกโก้ต่อหัวใจและหลอดเลือด
🩺 2.1 ช่วยลดความดันโลหิต
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า การบริโภคโกโก้ที่มีฟลาวานอลสูงช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากเพิ่มการสร้าง ไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวกและความดันโลหิตลดลงเล็กน้อย
🩺 2.2 ปรับปรุงการทำงานของหลอดเลือด
-
ฟลาวานอลช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด
-
ลดการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ
🩺 2.3 ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
-
การบริโภคโกโก้หรือดาร์กช็อกโกแลตที่มีโกโก้สูงสัมพันธ์กับ ความเสี่ยงโรคหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองลดลง
-
ฟลาโวนอยด์ช่วยลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด (Platelet aggregation) ซึ่งเป็นกลไกที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน
🩺 2.4 ปรับระดับไขมันในเลือด
-
บางการศึกษาพบว่าโกโก้ช่วยเพิ่ม HDL (ไขมันดี) และลด LDL (ไขมันไม่ดี)
-
ลดการเกิดออกซิเดชันของ LDL ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดหลอดเลือดตีบ
🩺 2.5 ลดความเครียดและปรับอารมณ์
-
การดื่มโกโก้ร้อนหรือรับประทานดาร์กช็อกโกแลตในปริมาณพอเหมาะ ช่วยกระตุ้นการหลั่ง เอ็นโดรฟินและเซโรโทนิน
-
การลดความเครียดและภาวะซึมเศร้า ส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจทางอ้อม
3. ควรเลือกโกโก้แบบไหนถึงจะได้ประโยชน์?
-
เลือกดาร์กช็อกโกแลตที่มีโกโก้ ≥ 70% เพราะมีฟลาวานอลสูงและน้ำตาลต่ำกว่า
-
โกโก้ดิบ (Raw Cocoa) หรือโกโก้ไม่ผสมน้ำตาล มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
-
หลีกเลี่ยง โกโก้สำเร็จรูปที่มีน้ำตาลและครีมเทียมสูง เพราะอาจทำให้ได้พลังงานเกินและเสี่ยงโรคอ้วน/เบาหวาน
4. ปริมาณที่เหมาะสม
-
ดาร์กช็อกโกแลต 20–30 กรัม/วัน หรือโกโก้ผงไม่ผสมน้ำตาลประมาณ 1–2 ช้อนโต๊ะ/วัน ก็เพียงพอ
-
ควรรับประทานเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่สมดุล ไม่ใช่ในปริมาณมากเกินไป
5. ข้อควรระวัง
-
คาเฟอีนและธีโอโบรมีน อาจทำให้บางคนใจสั่นหรือหลับยากหากทานมาก
-
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรเลือกสูตรที่ ไม่เติมน้ำตาล
-
เด็กเล็กและสตรีมีครรภ์ควรบริโภคอย่างพอเหมาะตามคำแนะนำแพทย์
สรุป
โกโก้เป็นอาหารที่มีคุณค่ามากกว่าความอร่อย เพราะอุดมด้วยฟลาวานอลและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วย ลดความดันโลหิต ปรับปรุงการทำงานของหลอดเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง และยังช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย หากเลือกทานอย่างถูกวิธีและในปริมาณที่เหมาะสม โกโก้จะเป็นทั้งของอร่อยและตัวช่วยดูแลสุขภาพหัวใจได้อย่างดี
